ประวัติการจัดตั้งสหกรณ์ฯ

ประวัติการจัดตั้งสหกรณ์ฯ

head rdcoop history

ใน ปี พ.ศ. 2521 นายนุกูล ประจวบเหมาะ อธิบดีกรมสรรพากร(พ.ศ 2518 – พ.ศ.2521)ได้มีดำริที่จะจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการกรมสรรพากรเพื่อให้ข้าราชการของกรมสรรพากรได้ช่วยเหลือเกื้อกูลตามแนวทางของสหกรณ์ จึงได้มอบหมายให้ นางวลี ศรีกมล หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ สำนักเลขานุการกรมสรรพากร ในขณะนั้นทำการศึกษาและเตรียมการจัดตั้งสหกรณ์ โดยมีคณะทำงานซึ่งเป็นข้าราชการในสำนักงานเลขานุการกรมสรรพากร อาทิ นางนิภา สุทธิวงศ์ นางกาญจนา เหลืองบริบูรณ์ นางรสสุคนธ์ ตะเพียนทอง(รอดพันธ์) นางสุภัทรา ปุคคละนันท์ เป็นต้น โดยคณะทำงานได้ทำการศึกษาระเบียบและแนวทางปฏิบัติต่างๆจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ และศึกษาดูงานแนวทางการดำเนินการของสหกรณ์ออมทรัพย์กรมการปกครอง ซึ่งได้ก่อตั้งและดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 เพื่อเป็นตัวอย่างในการดำเนินการ

ต่อมาคณะทำงานได้นำผลการศึกษาและการดูงาน เสนอต่อนายพนัส   สิมะเสถียร  อธิบดีกรมสรรพากร(พ.ศ. 2521 – พ.ศ. 2525) ในขณะนั้น ซึ่งท่านได้ให้การสนับสนุน และยังให้ขอความร่วมมือจากผู้บริหารในขณะนั้นให้เข้ามาร่วมสมัครเป็นสมาชิก ซึ่งตามระเบียบการจัดตั้งสหกรณ์จะต้องมีสมาชิก เข้าร่วมกลุ่มกันอย่างน้อย 50 ท่านจึงจะจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ได้ ซึ่งสมาชิก 50 ท่านแรก ได้แก่ สมาชิกหมายเลข

 

 

 

 

 

1 นางวลี ศรีกมล
2 นางปณิศา พงษ์พิทักษ์
4 นายเหลือ สงวนพงษ์
5 นางจิราวรรณ ศรีปัญจากุล
9 นางสุภัทรา ปุคคละนันท์
12 นางพิศมัย คงวิวัฒน์เสถียร
16 นายกมล ช่วงรังษี
19 นางนวรัตน์ บุญนำ
22 น.ส.วรรณี  หล่อธนวณิชย์
24 นางสุมาลี พิมพ์สกุล
26 นายสมบูรณ์  ไพบูลย์ศิริ
27 นายโกศล  เพชรเกลี้ยง
28 นายปรีดี  บุญยัง
38 นางเปรมฤดี  รัตนสิงห์
39 นางกรแก้ว นคราวงศ์
40 นายชรินทร์ แก้วฉายโฉม
43 นายชำนาญ สิทธิวิภัทร
45 นายเจิม จันทพันธ์
48 นางรชยา  ประเสริฐ

(หมายเหตุ เป็นรายชื่อที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนสมาชิก พ.ศ 2553)

สหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการสรรพากร จำกัด ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ ณ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2523 สำนักงานตั้งอยู่ ณ กรมสรรพากร แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร (ต่อมาอาคารกรมสรรพากรได้ถูกไฟไหม้ จากเหตุจราจลในระหว่างวันที่ 17 – 20 พฤษภาคม 2535 ) โดยมีนายเหลือ สงวนพงษ์ รองอธิบดีกรมสรรพากรได้รับมอบหมายจากอธิบดีให้ทำหน้าที่บริหารจัดการสหกรณ์ฯ และนางวลี ศรีกมล เป็นผู้จัดการสหกรณ์ท่านแรก มีที่ทำการอยู่ที่สำนักงานเลขานุการกรมสรรพากร ซึ่งต่อมาผู้บริหารสหกรณ์ จะเป็นรองอธิบดีที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดี จนในปี 2535 จึงได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเป็นผู้บริหารสหกรณ์ ส่วนผู้จัดการสหกรณ์ก็จะแต่งตั้งจากอดีตข้าราชการ จนมาในปี พ.ศ.2546 คณะกรรมการได้เปลี่ยนแปลงการแต่งผู้จัดการโดยการรับสมัครบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นผู้จัดการเพื่อประสงค์ให้มีความชำนาญในด้านการบริหารการเงินอย่างแท้จริง

ในระยะแรกของการดำเนินการผู้ที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการสหกรณ์ฯ จะเป็นข้าราชการของสำนักงานเลขานุการกรมสรรพากร คือนางกาญจนา เหลืองบริบูรณ์ และนางรสสุคนธ์ ตะเพียนทองรับผิดชอบด้านทะเบียนสมาชิกและการพิจารณาเกี่ยวกับสัญญาเงินกู้ยืม นางสาวนิภา สุทธิวงศ์ รับผิดชอบด้านบัญชีรวมทั้งการปิดงบบัญชี การจัดการประชุม การติดต่อประสานงานกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยนางสาวพูนศรี ปรีชาพานิช ผู้อำนวยการกองคลัง เป็นเหรัญญิกโดยตำแหน่ง นางสาวทิพรัตน์ ท่าจีน รับผิดชอบด้านการหักเงินเดือนของสมาชิกนำส่งสหกรณ์ฯ ซึ่งการทำงานเป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือช่วยในการจัดทำข้อมูลใดๆเช่น การหักเงินเดือนทั้งทุนเรือนหุ้นและการนำส่งเงินกู้ยืม รวมทั้งต้องเสี่ยงต่อการนำส่งเงินที่เป็นเงินสดจนมีเหตุการณ์ถูกคนร้ายชิงเงินในขณะนำส่ง ทั้งเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันทำงานก็มิได้รับค่าตอบแทนแต่ประการใด จนในปี พ.ศ.2529 สหกรณ์ฯได้มีการรับเจ้าหน้าที่สหกรณ์ โดยมีนางอัญชลี ขำนาค ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ(บัญชี) เป็นเจ้าหน้าที่คนแรก และก็รับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามความเจริญเติบโตของสหกรณ์ฯ

หลังจากได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสหกรณออมทรัพย์ข้าราชการกรมสรรพากรแล้ว ก็ได้มีการเชิญชวนให้ข้าราชการของกรมสรรพากรซึ่งอยู่ในกรมสรรพากร (เฉพาะส่วนกลาง) เข้าเป็นสมาชิก โดยยังมิได้เปิดรับสมัครสมาชิกที่อยู่ในต่างจังหวัด การนำส่งเงินทุนเรือนหุ้นจะหักจากเงินเดือนของสมาชิก ในอัตราเดือนละ 50 บาท 70 บาท แต่ไม่เกิน 100 บาท ซึ่งกองคลังจะเป็นผู้หักและนำส่งให้กับสหกรณ์ฯ ส่วนการให้บริการจะมีการให้บริการเฉพาะการกู้ยืมเงิน ในกรณีกู้ฉุกเฉินกู้ยืมได้ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแต่ไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนการกู้สามัญให้กู้ยืมได้ไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งก็ได้มีการดำเนินการให้บริการต่อเนื่องมา จนปี 2536 จึงได้มีการแก้ไขระเบียบของสหกรณ์ฯ ให้สามารถเปิดรับสมัครสมาชิกจากข้าราชการและลูกจ้างประจำในต่างจังหวัด ปัจจุบันสหกรณ์ฯมีสมาชิกเพิ่มจำนวนขึ้น มีการเพิ่มการให้บริการในด้านต่างๆ ทั้งการรับฝากเงินจากสมาชิกในรูปแบบต่างๆ โดยมีผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ และที่สำคัญสหกรณ์ฯมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงมากขึ้น อันเนื่องจากจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นและสมาชิกมีการสะสมเงินในรูปแบบของทุนเรือนหุ้นในอัตราที่สูงขึ้น มีการระดมเงินรับฝากจากสมาชิกเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญรายได้จากดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินของสมาชิก ที่กู้ยืมเพื่อนำไปใช้บรรเทาความเดือดร้อนและความจำเป็นของสมาชิกซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสหกรณ์

เมื่อกรมสรรพากรถูกไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ. 2535 เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรที่ได้รับผลกระทบได้แยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ตามสถานที่ต่างๆเป็นการชั่วคราว ส่วนหนึ่งไปปฏิบัติงาน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้บริหาระดับสูงและกองกฎหมาย กองคลัง กองฝึกอบรม กองการเจ้าหน้าที่ ไปปฎิบัติงานอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 ส่วนสหกรณ์ฯได้ย้ายสถานที่ทำงานชั่วคราวไปอยู่ ที่ตึกของกรมบัญชีกลาง บริเวณกระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 ซึ่งในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ต้องทำงานด้วยความยากลำบากเนื่องจากเอกสารต่างๆได้ถูกเผาไหม้ไปเกือบทั้งหมด แต่ยังโชคดีที่ในช่วงที่เกิดเหตุจราจลนั้นเป็นช่วงเดียวกับที่สหกรณ์กำลังจะจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบบัญชีปี 2534 จึงได้มีการเบิกเงินสดมาเตรียมไว้โดยเก็บรักษาไว้ในเซพของกองคลังซึ่งมิได้ถูกเผาไหม้ไปกับกองเพลิง ส่วนเอกสารการจ่ายเงินปันผลเจ้าหน้าที่โดยนางนิภา สุทธิวงค์ได้นำกลับไปตรวจสอบความถูกต้องที่บ้าน จึงทำให้ยังพอมีหลักฐานที่จะนำมาใช้เป็นข้อมูล นอกจากนี้ก็มีเอกสารส่วนอื่นๆ ที่เหลือจากการเข้าไปค้นหาในซากอาคารที่ถูกเผาไหม้ และการขอความร่วมมือจากสมาชิกที่มีเอกสารหลักฐาน อาทิ ใบเสร็จรับเงิน สัญญากู้ยืมมาใช้เป็นหลักฐานในการจัดทำข้อมูลใหม่ทั้งหมด

ต่อมาเมื่อกรมสรรพากรได้ย้ายที่ทำการจากที่ต่างๆ มาอยู่รวมกันชั่วคราว ณ อาคารธนาคารทหารไทย จำกัด ถนนพญาไท เขตราชเทวี สหกรณ์ฯ ก็ได้ย้ายตามไป ณ อาคารธนาคารทหารไทยจำกัด เช่นเดียวกัน

ในปี พ.ศ. 2540 กรมสรรพากรได้ย้ายที่ทำการใหม่ มาอยู่รวมกันเป็นการถาวร ณ อาคารกรมสรรพากร ซอยอารี แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร สหกรณ์ฯก็ได้ย้ายเข้ามาตั้งที่ทำการใหม่ โดยครั้งแรกใช้พื้นที่ ชั้น 6 ร่วมกับกองคลัง ต่อมาได้ย้ายลงมาตั้งสำนักงาน ณ อาคารสวัสดิการกรมสรรพากร(อาคารจอดรถ) โดยใช้พื้นที่บริเวณที่เป็นธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) สาขาย่อยกรมสรรพากรปัจจุบัน
เมื่อธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ได้เข้ามาเปิดสาขาย่อยกรมสรรพากร สหกรณ์ฯ ก็ได้ย้ายมาตั้งสำนักงาน ณ ที่ตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการกรมสรรพากรปัจจุบัน โดยได้มีการปรับปรุงตกแต่งสำนักงานให้ทันสมัยสวยงาม สะดวกในการให้บริการต่อสมาชิก